Geovisualization : การนำเสนอเชิงตำแหน่งที่ตั้ง

 Geovisualization : การนำเสนอเชิงตำแหน่งที่ตั้ง

วัตถุประสงค์เพื่อทำให้ผู้ใช้ ค้นหา สังเคราะห์ นำเสนอ และวิเคราะห์ข้อมูลแผนที่นอกเหนือจากสิ่งที่ผู้ใช้มองเห็น เช่น ข้อมูล DEM ขุดบ่อบาดาล ทำให้ทราบจำนวนบ่อที่มีการขุดเจาะ ความลึก บริเวณที่ขุดเจาะ ขนาดของบ่อ จนถึงการวิเคราะห์ประเภทการใช้งาน , การจับสัญญาณโทรศัพท์ของคนในสนามฟุตบอล ว่ามีกี่คน ทำให้สามารถประเมิณความเสียหายได้ หากเกิดอันตราย
Classification Method
1. Manual: ผู้ใช้กำหนดชั้นข้อมูล จุดเริ่มต้นการจำแนก ตัดทอนชั้นข้อมูล หรือ อัตราส่วนของช่วงชั้นข้อมูลได้เอง
2. Equal Interval: แบ่งตามข้อมูลที่ชั้นข้อมูลกว้างเท่ากัน คือ อันตราภาคชั้น = พิสัยข้อมูล /จำนวนชั้น
3. Define Interval: แบ่งตามการกำหนดขนาดของช่วงเวลาโดยระบุชุดข้อมูลในแต่ละชั้นข้อมูลด้วยอัตราส่วนเดียวกัน เช่น 1% - 4%, 5% - 8% …
4. Quantile : ข้อมูลต้องจัดเรียงลำดับค่าเอาไว้ก่อนถูกแบ่ง โดยแต่ละชั้นข้อมูลมีจำนวนข้อมูลเท่าๆกัน ซึ่งจำนวนข้อมูลที่มากกว่าและน้อยกว่ามัธยฐานจะมีจำนวนเท่าๆกัน
5. Natural Breaks: แบ่งตามจุดเปลี่ยนของข้อมูล ซึ่งการกำหนดให้แบ่งช่วงของข้อมูล โดยโปรแกรมจะแบ่ง โดยการคำนวณตามจำนวนค่าของ Record ที่มีในแต่ละช่วงข้อมูล ถ้าช่วงใดมี Record จำนวนมาก ก็จะแบ่งออกเป็นหลายช่วงข้อมูล หากช่วงใดมีจำนวน Record น้อย ก็จะมีจำนวนช่วงน้อยตามไปด้วย
6. Geometrical Interval : แบ่งตามช่วงของข้อมูลเชิงเรขาคณิต
7. Standard Deviation: แบ่งตามส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน เป็นวิธีการที่แสดงการกระจายของค่าต่างๆรอบค่าเฉลี่ย (Mean)
ข้อมูล LiDAR (Light Detection and Range) คือ
หนึ่งในข้อมูลแบบ Geovisualization ซึ่งข้อมูลที่แสดงข้อมูลความสูง – ตํ่าของพื้นที่ ที่มีความถูกต้องมากกว่า ข้อมูล DEM เนื่องจาก LiDAR มีการเรียงข้อมูลเป็น Point
หลักการทำงานของ LiDAR : เป็นการวัดระยะจากระยะเวลาในการเดินทางของลำแสงเลเซอร์ ที่เดินทางจาก Sensor ไปยังวัตถุเป้าหมาย และเดินทางกลับมายัง Sensor
Cartograms คือ
แผนที่ที่แปลงมาจากแผนที่จริงหรือเส้นทางจริงใช้เพื่อจำลองให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่าย โดยไม่เน้นอัตราส่วนที่แท้จริง เช่น แผนที่รถไฟฟ้า